Doors Castle: หนีตายจากปราสาทต้องสาป 👻🗝️
ลองจินตนาการว่าคุณตื่นขึ้นมาในปราสาทเก่าอันมืดมิด เสียงลมพัดลอดหน้าต่างแตก ๆ กลิ่นฝุ่นเก่าและความชื้นลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ รอบตัวมีแต่ประตูยาวเรียงหลายบานในทางเดินแคบ ๆ และคุณไม่รู้เลยว่า ด้านหลังของแต่ละประตูคือความรอด…หรือความตาย นี่แหละคือประสบการณ์ของ Doors Castle เกมผจญภัยสยองขวัญที่พาคุณเข้าไปติดอยู่ในป้อมปราการลึกลับเต็มไปด้วยปริศนา ทางลับ และสิ่งมีชีวิตที่ซ่อนอยู่ในเงามืด 😱
ใน Doors Castle คุณไม่ได้แค่เดินไปเรื่อย ๆ เพื่อรอให้เกมตกใจใส่ แต่คุณต้อง สังเกต คิด และตัดสินใจ อยู่ตลอดเวลา ทุกประตูคือทางเลือก ทุกการเปิดคือความเสี่ยง ด้านหลังอาจเป็นห้องปลอดภัย เบาะแสสำคัญ กับดัก หรือปีศาจที่เฝ้ามองคุณอยู่มาตลอด เป็นการผสมผสานระหว่าง เกมผจญภัยสยองขวัญ, เกมไขปริศนา, และบรรยากาศแบบ ห้องหนีตาย (escape room) ที่ทำเอาลุ้นไม่พักตั้งแต่ต้นจนจบ 👀
Doors Castle คือเกมแบบไหนกันแน่?
Doors Castle คือเกมแนวเอาตัวรอดในปราสาทผีสิงที่เต็มไปด้วยประตู ปริศนา เสียงกระซิบ และอดีตอันมืดดำของสถานที่แห่งนี้ คุณลืมตาตื่นขึ้นมาโดยไม่รู้ว่ามาที่นี่ได้อย่างไร รู้เพียงอย่างเดียวว่า คุณต้องหาทางหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้
ภายในปราสาทคุณจะพบกับ
-
ทางเดินยาวมืดมิดที่มีเงาอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ไกล ๆ
-
ห้องโถงใหญ่ที่เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์เก่าและผ้าคลุมสีซีด
-
ห้องสมุดที่เรียงรายด้วยหนังสือเก่าและชั้นวางที่น่าสงสัย
-
คุกใต้ดินและห้องทรมานที่ยังหลงเหลือร่องรอยความโหดร้าย
-
บันทึก จดหมาย และโน้ตปริศนาจากผู้อยู่อาศัยในอดีต
-
และแน่นอน… สิ่งมีชีวิตประหลาดที่ไม่ชอบให้ใครมารบกวน 👻
องค์ประกอบหลักของเกมมีทั้ง
-
🧭 การสำรวจ (Exploration) – เดินสำรวจทุกซอกทุกมุมของปราสาท ค้นหาของและข้อมูล
-
🧩 การไขปริศนา (Puzzles) – ใช้สมองในการสังเกต สรุป และแก้กลไกประตูต่าง ๆ
-
🧠 การเอาตัวรอด (Survival & Stealth) – แอบ ซ่อน วิ่งหนี และใช้สภาพแวดล้อมให้เป็นประโยชน์
-
📖 การเล่าเรื่องผ่านสิ่งแวดล้อม (Environmental Storytelling) – ต่อจิ๊กซอว์เรื่องราวของปราสาทจากเบาะแสเล็ก ๆ น้อย ๆ
ปราสาทใน Doors Castle ไม่ใช่แค่ฉากหลัง แต่เป็น “ตัวละครหลัก” อีกตัวหนึ่งที่มีนิสัย โกรธ เกลียด และพร้อมจะลงโทษคนที่บังอาจเข้ามาในอาณาเขตของมัน 🏰
รูปแบบการเล่น: อยู่กับประตูและความกลัว 🎮
1. การสำรวจปราสาทที่มีชีวิต
ในระหว่างการเล่น คุณจะได้เดินไปในพื้นที่หลากหลายของปราสาท ซึ่งแต่ละโซนจะมีบุคลิกและบรรยากาศแตกต่างกันไป เช่น
-
ระเบียงทางเดินแคบ ๆ และมืดสนิท ที่มีเพียงแสงจากคบไฟหรือเทียนเล่มเล็ก ๆ 🕯️
-
ห้องโถงใหญ่ ที่มีโคมระย้าเก่า เฟอร์นิเจอร์ผุพัง และภาพวาดจ้องมองคุณอยู่
-
ห้องสมุดรกร้าง ที่คุณรู้สึกได้ว่ามีคนเคยมองหนังสือเล่มเดียวกันนี้มาก่อน
-
คุกและห้องใต้ดิน ที่เต็มไปด้วยโซ่ตรวนและเสียงหยดน้ำจากที่ไหนสักแห่ง
-
ห้องทดลองหรือห้องพิธีกรรม ที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ประหลาดและอุปกรณ์น่าสงสัย
-
อุโมงค์ใต้ดิน แคบ ชื้น และอึดอัด ทำให้ไม่อยากหันกลับไปมองเลย
สิ่งที่คุณต้องทำระหว่างการสำรวจคือ
-
เปิดลิ้นชัก ตู้ โต๊ะ และหีบเพื่อค้นหาไอเทมและบันทึก
-
สังเกต สัญลักษณ์บนกำแพง พื้น และประตู ที่อาจเชื่อมโยงกับปริศนา
-
ตรวจสอบ รูปภาพ รูปปั้น เชิงเทียน หนังสือ ที่วางไว้ในตำแหน่งแปลก ๆ
-
จดจำเส้นทางและลักษณะของห้องต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นจุดอ้างอิงหรือทางหนี
ในช่วงแรก คุณอาจรู้สึกว่าปราสาทแห่งนี้คือเขาวงกตสุดโหด แต่เมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ คุณจะเริ่มจำได้ว่า “ทางนี้ไปห้องเซฟ”, “ประตูนั้นอันตราย”, “โซนนั้นมีปีศาจเดินเวรยามอยู่” ความรู้ที่ค่อย ๆ สะสมนี้ทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้เป็น “ผู้อยู่อาศัย” อีกคนในปราสาท (แม้จะเป็นผู้มาเยือนที่ไม่พึงประสงค์ก็ตาม) 😨
2. ประตู: ไม่ใช่แค่ทางผ่าน แต่คือหัวใจของเกม 🚪
อย่างที่ชื่อเกมบอก ทุกอย่างหมุนรอบ ประตู ใน Doors Castle ประตูแต่ละบานไม่ใช่แค่สิ่งกีดขวาง แต่เป็นตัวกำหนดชะตากรรมของคุณในเกมเลยก็ว่าได้
ประตูอาจเป็น
-
🔒 ประตูล็อก – ต้องใช้กุญแจ รหัส หรือกลไกบางอย่างในการเปิด
-
⚠️ ประตูติดกับดัก – เปิดผิดเวลาอาจทำให้เกิดเสียงดัง ดึงดูดปีศาจ หรือเปลี่ยนเส้นทางหนี
-
🛟 ประตูสู่ห้องปลอดภัย – ให้คุณพักหายใจ อ่านโน้ต และคิดแผนต่อไป
-
🧱 ประตูลับ – ซ่อนอยู่หลังตู้หนังสือ ผนังแตก หรือภาพวาดบางภาพ
ทุกครั้งที่มือคุณจับลูกบิดประตู คุณจะต้องถามตัวเองในใจว่า
“ควรเปิดตอนนี้ไหม หรือควรไปหาข้อมูลเพิ่มก่อน?”
ความรู้สึก “ลังเลก่อนเปิดประตู” นี่แหละคือเอกลักษณ์ของ Doors Castle เพราะคุณไม่มีทางรู้เลยว่าอีกฝั่งคือโอกาสหรือหายนะ
3. ปริศนาและกลไกต่าง ๆ 🧩
Doors Castle เอาใจคนชอบเกมแนวไขปริศนาแบบเต็ม ๆ คุณจะต้องใช้ทั้งสายตา สมอง และความจำในการแก้ไขกลไกเพื่อเปิดทางสู่ส่วนลึกของปราสาท
ตัวอย่างสิ่งที่คุณจะเจอ ได้แก่
-
ปริศนาสัญลักษณ์ – ประตูหรือแผงควบคุมที่มีสัญลักษณ์ประหลาด ต้องสังเกตสัญลักษณ์ที่ซ่อนอยู่ในห้องอื่น ๆ
-
ข้อความปริศนา – บันทึกหรือจดหมายที่เขียนเป็นคำเปรียบเทียบหรือบทกลอน แต่แฝงรหัสหรือคำใบ้สำคัญไว้
-
กลไกหลายขั้นตอน – คันโยก ปุ่ม และวงล้อที่ต้องทำตามลำดับที่ถูกต้อง
-
ปริศนาสิ่งแวดล้อม – ใช้แสงเงา เสียง หรือการจัดวางของวัตถุเพื่อแก้กลไกบางอย่าง
ความสนุกคือ ปริศนาเหล่านี้ไม่ใช่แค่ “เกม” แยกออกจากเนื้อเรื่อง แต่เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวและตัวตนของปราสาทนี้ เช่น กลไกที่สร้างโดยเจ้านายคนเดิมของปราสาท หรือคาถาที่ใช้ซ่อนความลับบางอย่าง
4. สิ่งมีชีวิตที่ซ่อนอยู่ในความมืด 👁️🗨️
แน่นอนว่าปราสาทร้างแบบนี้ไม่ได้มีแค่คุณคนเดียว สิ่งที่ทำให้บรรยากาศกดดันที่สุดคือการรู้ว่า มีบางอย่างเดินอยู่ในเงามืด เสียงฝีเท้าเบา ๆ สายโซ่ที่ลากไปกับพื้น เสียงหายใจแผ่ว ๆ จากอีกห้องหนึ่ง… ทั้งหมดนี้เตือนว่าคุณกำลังถูกจับตามอง
เพื่อเอาตัวรอดจากพวกมัน คุณจะต้อง
-
🫥 ซ่อนตัวให้แนบเนียน – หลบในตู้ หลังตู้หนังสือ ใต้โต๊ะ หรือมุมมืดของห้อง
-
👣 เดินอย่างระวัง – หลีกเลี่ยงการวิ่งพร่ำเพรื่อ เพราะพื้นไม้บางส่วนอาจส่งเสียงดัง
-
👂 ใช้หูฟังทิศทาง – การฟังเสียงฝีเท้าและเสียงครางช่วยให้คุณคาดเดาตำแหน่งของศัตรูได้
-
🏃♂️ วิ่งหนีเมื่อจำเป็น – เมื่อถูกพบเห็น บางครั้งการวิ่งไม่ใช่ความขี้ขลาด แต่คือทางรอดเดียว
คุณไม่ได้รับบทนักรบหรือฮีโร่ คุณไม่มีอาวุธหนัก ไม่มีเกราะแข็งแกร่ง คุณเป็นเพียง “เหยื่อที่ฉลาด” ที่ต้องใช้ความคิดมากกว่ากำลังถึงจะรอดชีวิตออกไปได้
ความก้าวหน้าในเกม ระดับความยาก และความคุ้มค่าที่จะเล่นซ้ำ
จากเหยื่อหลงทางสู่ผู้เอาตัวรอดที่รู้ทาง
ตอนเริ่มเล่น คุณจะเหมือนคนที่ถูกโยนเข้าไปในฝันร้าย
-
จำทางไม่ได้
-
เปิดประตูผิดบ่อย
-
วิ่งหนีอย่างไร้ทิศทาง
-
ตายเพราะความอยากรู้อยากเห็นเกินเหตุ
แต่เมื่อคุณเล่นไปเรื่อย ๆ คุณจะเริ่ม
-
จำได้ว่าประตูไหนไปไหน
-
รู้ว่าตรงไหนเคยเจอไอเทมหรือบันทึกสำคัญ
-
วางแผนเส้นทางหนีล่วงหน้าได้
-
เปิดประตูด้วย “ข้อมูล” ไม่ใช่ “ดวง”
นั่นคือความรู้สึกของการเติบโตใน Doors Castle จากคนที่กลัวทุกอย่างไปสู่คนที่ยังกลัว…แต่ควบคุมความกลัวนั้นได้ดีขึ้น 💀➡️🧠
ความยากที่เพิ่มขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป
Doors Castle ไม่ได้โยนความยากสุดโหดใส่คุณตั้งแต่วินาทีแรก เกมค่อย ๆ เพิ่มความท้าทาย
-
ช่วงแรก
-
ปริศนาค่อนข้างตรงไปตรงมา
-
ศัตรูปรากฏตัวไม่บ่อยนัก
-
มีเวลาให้คุณทำความคุ้นเคยกับระบบเกม
-
-
ช่วงหลัง
-
ปริศนาต้องใช้เบาะแสจากหลายห้องมาประกอบกัน
-
ศัตรูไวต่อเสียงและแสงมากขึ้น
-
พื้นที่ปลอดภัยน้อยลงทุกที
-
การตัดสินใจผิดเพียงครั้งเดียวอาจต้องเริ่มใหม่หลายจุด
-
แม้จะท้าทายขึ้น แต่เกมก็ “แฟร์” กับผู้เล่น ถ้าคุณสังเกตดี ๆ อ่านบันทึก และไม่หัวร้อนจนลืมคิด คุณก็จะก้าวผ่านไปได้เสมอ
ทำไมถึงน่าเล่นซ้ำ 🔁
Doors Castle เป็นเกมที่เหมาะจะกลับมาเล่นซ้ำมาก ๆ เพราะว่า
-
มี เส้นทางการเล่นที่ต่างกัน ตามลำดับประตูที่คุณเลือกเปิด
-
มี ห้องลับ เบาะแส และรายละเอียดเนื้อเรื่อง ที่คุณอาจมองข้ามไปในรอบแรก
-
คุณสามารถตั้ง ชาเลนจ์ให้ตัวเอง เช่น
-
พยายามวิ่งให้น้อยที่สุด
-
ห้ามถูกศัตรูเห็นเกินกี่ครั้ง
-
เน้นอ่านบันทึกให้ครบก่อนจะหาทางหนี
-
-
เมื่อรู้ตอนจบแล้ว กลับมาเล่นใหม่เพื่อสังเกต “คำใบ้ของจุดจบ” จะยิ่งรู้สึกอินกับเรื่องราวมากขึ้น
ทุกครั้งที่กลับเข้าไปในปราสาท คุณจะพบสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่ทันสังเกตในครั้งก่อนเสมอ 🔍
เคล็ดลับสำหรับผู้เล่นใหม่ 🧠
1. อย่ารีบเดินผ่านห้อง ตรวจให้ละเอียด
-
เปิดทุกลิ้นชัก ตู้ โต๊ะ และหีบ
-
มองที่มุมห้อง ใต้โต๊ะ หลังตู้
-
สังเกตสิ่งของที่วางในที่ “ไม่น่าอยู่ตรงนั้น” เช่น เชิงเทียนที่โดดเด่น หนังสือที่สีต่างจากเล่มอื่น
-
ถ้าห้องไหนดูโล่งเกินไป แปลว่าส่วนใหญ่แล้ว คุณยังหาของไม่ครบ 😉
2. ใช้หูให้เป็นประโยชน์ 👂
เสียงคือเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณใน Doors Castle
-
เสียงฝีเท้า เสียงโซ่ หรือเสียงลากอะไรบางอย่าง บอกคุณว่าศัตรูอยู่ใกล้แค่ไหน
-
เสียงประตูเปิด/ปิดในระยะไกลอาจหมายถึง มีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่
-
เสียงกลไกทำงานช่วยยืนยันว่าคุณกดคันโยกหรือปุ่มได้ถูกต้องแล้ว
การหยุดนิ่งสักไม่กี่วินาทีเพื่อฟังทิศทาง อาจช่วยให้คุณไม่เปิดประตูไปเจอศัตรูแบบจัง ๆ
3. อย่าเปิดประตูด้วยความใจร้อน
ก่อนเปิดประตูทุกครั้ง ลอง
-
ยืนเงียบ ๆ หน้าประตูสักแป๊บ
-
ฟังว่ามีเสียงหายใจ ฝีเท้า หรือเสียงครูดอะไรอยู่ด้านในหรือไม่
-
ถ้าได้ยินอะไรผิดปกติ อาจต้องคิดว่า “มีทางอื่นไหม?” หรือ “ควรเตรียมทางหนีไว้ก่อนหรือเปล่า”
ในเกมนี้ การรีบเปิดประตูโดยไม่คิด คือหนึ่งในสาเหตุหลักของการตายอย่างโง่ ๆ 😅
4. อย่ามองข้ามบันทึกและจดหมาย 📜
สิ่งที่เกมวางให้คุณอ่านไม่ใช่แค่เนื้อเรื่องสวย ๆ แต่เต็มไปด้วยเบาะแส เช่น
-
ตัวเลข วันที่ หรือชื่อเฉพาะ ที่กลายเป็นรหัสเปิดประตูในภายหลัง
-
คำใบ้เกี่ยวกับตำแหน่งห้องลับหรือทางลัด
-
คำบอกเล่าที่ทำให้คุณเข้าใจว่า “โซนนี้อันตราย” หรือ “ห้องนี้เคยเป็นห้องวิจัยอะไรบางอย่าง”
ยิ่งอ่านมากเท่าไหร่ คุณยิ่ง เข้าใจทั้งปริศนาและเนื้อเรื่อง มากขึ้นเท่านั้น
5. ใช้แสงอย่างมียุทธศาสตร์ 🕯️
แสงช่วยคุณ แต่ก็หักหลังคุณได้เช่นกัน
-
ใช้แสงเพื่อ
-
มองหาสัญลักษณ์หรือร่องรอยที่พื้นและผนัง
-
อ่านบันทึกได้ชัด ๆ
-
ดูกับดักหรือกลไกให้ครบถ้วน
-
-
แต่อีกด้านหนึ่ง แสงก็ทำให้คุณ
-
กลายเป็นเป้าเคลื่อนที่ในความมืด
-
ดึงดูดสิ่งที่ไม่อยากให้เข้ามาใกล้
-
กลยุทธ์ง่าย ๆ คือ
-
เปิดไฟหรือใช้แสงเมื่อต้องสำรวจอย่างละเอียด
-
รีบดับหรือซ่อนแสงเมื่อเริ่มได้ยินเสียงผิดปกติ
-
จำให้ได้ว่าตรงไหนสว่างหรือตรงไหนมืด เผื่อใช้เป็นจุดซ่อนตัวหรือทางหนี
6. ยอมรับว่าความผิดพลาดคือส่วนหนึ่งของเกม
คุณจะต้อง
-
เปิดประตูผิด
-
เดินไปเหยียบพื้นไม้ที่เสียงดังสนั่น
-
ลืมอ่านบันทึกแล้วกลับมาเสียเวลา
-
โดนปีศาจไล่จนมุมแบบเลี่ยงไม่ได้
สิ่งสำคัญคือ
-
ถามตัวเองหลังจากตายว่า “พลาดตรงไหน?”
-
ใช้ประสบการณ์ครั้งนั้นในการวางแผนรอบต่อไป
-
ไม่โทษเกมก่อนที่จะลองทบทวนว่าคุณได้ใช้ทุกเบาะแสที่เกมให้หรือยัง
ใน Doors Castle ทุกความกลัวและความผิดพลาดคือบทเรียน ที่ทำให้คุณเก่งขึ้นในรอบถัดไป
เหมาะกับผู้เล่นแบบไหน?
คุณน่าจะรัก Doors Castle ถ้าเป็นคนที่…
-
ชอบ เกมสยองขวัญแบบเน้นบรรยากาศ ไม่ใช่แค่เสียงตุ้งแช่ใส่เฉย ๆ
-
สนุกกับการ ไขปริศนาและสังเกตเบาะแสเล็ก ๆ น้อย ๆ
-
อินกับบรรยากาศแนว ห้องหนีตาย / escape room ที่เต็มไปด้วยประตู กลไก และทางลับ
-
ชอบ เนื้อเรื่องมืดหม่น ลึกลับ ที่ต้องต่อเองจากเศษข้อมูลที่กระจัดกระจาย
ถ้าคุณอยากพิสูจน์ว่า ตัวเองมีทั้งความกล้าและสมองพอที่จะรอดจากปราสาทต้องสาปแห่งนี้ได้ Doors Castle คือเวทีที่ท้าทายคุณอย่างแท้จริง 👻🗝️
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) ❓
เกม Doors Castle น่ากลัวแค่ไหน?
ความน่ากลัวขึ้นกับคนเล่น แต่โดยรวมแล้ว
-
เน้น ความหลอนทางจิตใจ มากกว่าภาพโหด
-
ใช้เสียง บรรยากาศมืด ๆ และความรู้สึก “ถูกจ้องมองอยู่” ในการกดดันผู้เล่น
-
มีจังหวะตกใจบ้าง แต่ไม่ใช่จุดขายหลักของเกม
ถ้าคุณชอบความรู้สึกหัวใจเต้นแรง มือเย็น แต่ยังอยากเล่นต่อ แสดงว่าเกมนี้ตรงสเปกแน่ ๆ 😅
ต้องเก่งเกมปริศนามากไหมถึงจะเล่นได้?
ไม่จำเป็นต้องเป็นอัจฉริยะ แต่ควร
-
มีความอดทน
-
ชอบอ่านและสังเกตรายละเอียด
-
ไม่ใจร้อนจนเกินไป
ปริศนาในเกมส่วนใหญ่มีคำใบ้ให้เสมอ อยู่ในบันทึกหรือสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ห้อง ถ้าคุณยอมเดินย้อนกลับไปสำรวจซ้ำ สุดท้ายมักจะหาทางออกเจอ
ในเกมมีการต่อสู้ไหม?
Doors Castle เน้น การเอาตัวรอดและการหลบหลีก มากกว่าการต่อสู้
-
คุณไม่ใช่นักรบ ไม่มีอาวุธเทพ
-
ทางเลือกที่ดีที่สุดส่วนใหญ่คือ หลบ แอบ และหนี
-
คุณใช้ประตู ทางลับ และสภาพแวดล้อมในการหนีจากศัตรู
นั่นทำให้ทุกการเจอศัตรูเต็มไปด้วยความกดดัน เพราะคุณรู้ว่าชนะด้วยกำลังไม่ได้ ต้องชนะด้วยสมองเท่านั้น
เกมใช้เวลาจบประมาณเท่าไหร่?
ขึ้นอยู่กับสไตล์การเล่นของคุณ
-
ถ้ารีบหาทางออกอย่างเดียว อาจใช้เวลาไม่นานนัก
-
ถ้าคุณอ่านทุกบันทึก สำรวจทุกห้อง และพยายามหาความลับทั้งหมด เกมจะยาวขึ้นอีกมาก
-
ยิ่งคุณ
-
หลงทางบ่อย
-
โดนศัตรูไล่
-
กลับไปอ่านเบาะแสซ้ำ
เกมก็ยิ่งใช้เวลามากขึ้นตามธรรมชาติ
-
เด็กเล่นได้ไหม?
เนื่องจากเกมมี
-
บรรยากาศสยองขวัญ
-
เนื้อหาหนักไปทางกดดันและหลอน
-
ตัวละครและเสียงที่อาจทำให้ฝันร้าย
จึงเหมาะกับ วัยรุ่นขึ้นไปและผู้เล่นที่รับความหลอนได้ระดับหนึ่ง มากกว่าจะเหมาะกับเด็กเล็ก
เล่นซ้ำแล้วจะน่าเบื่อไหม?
ไม่น่าเบื่อเลย เพราะ
-
คุณสามารถลองเปิดประตูในลำดับที่ต่างออกไป
-
จะได้เห็นห้องลับหรือเนื้อหาที่เคยพลาด
-
สามารถตั้งเงื่อนไขให้ตัวเอง เช่น
-
“รอบนี้จะพยายามไม่โดนจับเลย”
-
“รอบนี้จะเน้นเก็บบันทึกให้ครบก่อนหนี”
-
ยิ่งคุณคุ้นกับปราสาทมากเท่าไหร่ ยิ่งเห็นรายละเอียดใหม่ ๆ ที่เกมซ่อนอยู่มากเท่านั้น
สรุป: คุณกล้าหมุนลูกบิดประตูบานต่อไปไหม? 🏰👻
Doors Castle คือเกมสำหรับคนที่ชอบความสยองขวัญแบบมีชั้นเชิง ชอบคิด ชอบสังเกต และชอบความรู้สึกถูกท้าทายทั้งด้านจิตใจและด้านตรรกะ คุณจะไม่ลืม
-
ประตูบานหนึ่งที่คุณยืนจ้องอยู่นาน ไม่กล้าเปิด
-
บันทึกสั้น ๆ ที่ทำให้ทุกอย่าง “ปิ๊ง” ขึ้นมาในหัว
-
เสียงฝีเท้าเงียบ ๆ ข้างหลังตอนที่คิดว่าตัวเองอยู่คนเดียว
-
และความโล่งอกสุด ๆ เมื่อได้เข้าไปในห้องปลอดภัยสักห้องหลังโดนไล่แบบหวุดหวิด
ถ้าคุณพร้อมจะเผชิญหน้ากับปราสาทต้องสาปที่มีทั้งปริศนา เรื่องราว และสิ่งมีชีวิตที่ไม่อยากให้คุณออกไปไหนง่าย ๆ Doors Castle กำลังรอให้คุณเข้ามาพิสูจน์ความกล้าและสติของตัวเอง
จุดเทียนให้สว่างขึ้นสักหน่อย สูดลมหายใจลึก ๆ ตั้งใจฟังทุกเสียง แล้วถามตัวเองให้ดี…
“คุณพร้อมจะเปิดประตูบานต่อไปแล้วหรือยัง?” 🚪🕯️👀

























































